วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

พระผงขุนแผนขี่กุมาร หลวงพ่อพริ้งวัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี



พระครูประสาทวรคุณ (พริ้ง มณีธาโน) วัดโบสถ์โก่งธนู ต.โก่งธนู อ.เมือง จ.ลพบุรี
พระ เกจิอาจารรย์ท่านนี้มรณะภาพไปหลายสิบปีแล้ว แต่วัตถุมงคลของท่านก็ยังเป็นที่แสวงหาในกลุ่มคนระแวกนั้นอย่างมาก เพราะความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพริ้งนั้นมีให้เห็นกับตาชาวบ้าน เป็นอย่างมากทั้งวาจาที่ศักดฺิ์สิทธิ์ และการปฏิบัติตนที่เข้มงวดของท่าน
ส่วน พระผงขุนแผนเนื้อดินเผาองค์นี้ก็คือหนึ่งในวัตถุมงคลของหลวงพ่อพริ้งที่หลาย คนมักไม่คุ้นเคยเพราะท่านสร้างให้กับวัดหนึ่งในระแวกนั้นเมื่อท่านมรณะภาพลง ทางคณะกรรมการจึงนำพระขุนแผนรุ่นนี้มาเก็บใว้ใต้ฐานที่สำหรับตั้งโรงแก้ว ซึ่งก่อโบกด้วยปูนอย่างดี โดยที่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ามีพระอยู่ใต้ฐานเพราะคณะกรรมการชุดเดิมก็จากโลกไปบ้างแล้วหลงบ้างเพราะชราภาพลง จวบจนมี การย้ายที่ตั้งสังขารหลวงพ่อเมื่อทุบฐานออกจึงพบพระชุดนี้อยู่จำนวนหนึ่ง และใด้แจกคณะกรรมการและช่างไปจำนวนหนึ่งที่เหลือเก็บเข้ากรุตามเดิม เราจึงไม่ค่อยพบเห็นพระขุนแผนรุ่นนี้เท่าใดนัก(สังขารหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อยและเส้นผมของท่านยังงอกออกมาตลอดเวลาด้วย)
โดยมีประวัตรดังนี้

ประวัติของพระครูประสาทวรคุณ (พริ้ง มณีธาโน)

อายุ84 พรรษา 64 วัดโบสถ์ ตำบลโก่งธนู อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อดีตดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลโก่งธนู สถานะ
และชาติกำเนิดของหลวงพ่อ นามเดิม ชื่อพริ้ง นามสกุล เพ็งรอด เกิดเมื่อวันที่2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 ปีชวด ตรงกับ วันศุกร์
ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 บิดาชื่อนายดึก มารดาชื่อ นางแสง นามสกุล เพ็งรอด บ้านคุ้งนามอญ ตำบลโก่งธนู อ.เมือง จ.ลพบุรี

มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คนคือ
1. หลวงพ่อพริ้ง เพ็งรอด
2. นางผลบ ไข่หงส์
3. นายกรู่ เพ็งรอด
4. นายโหน่ง เพ็งรอด
5. นายบ่าย เพ็งรอด
6. นางสาวสาคร เพ็งรอด

อุปสมบทเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2463 ณ พัทธสีมาวัดญาณเสน ตำบลโก่งธนู อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี หลวงพ่อฉ่ำ
เจ้าอาวาสวัดญาณเสนเป็นอุปัชฌายะ หลวงพ่อแสน วัดญาณเสนเป็นกรรมวาจารย์ หลวงพ่อฝอย วัดญาณเสน เป็นอนุสาวนาจารย์

ชีวิตในวัยเยาว์
เมื่อหลวงพ่อยังอยู่ในเยาว์วัย ท่านได้ช่วยโยมพ่อและโยมแม่ประกอบอาชีพตามประสาเด็กที่จะพึงกระทำได้

ด้านการศึกษา วิทยะฐานะ อ่านออก เขียนได้ จากสำนักวัดไก่เตี้ย ตำบลตลองน้อยอำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนคร
ศรีอยุธยา การศึกษาสมัยนั้นนับว่าอยู่ในขั้นที่ยังไม่เจริญ อาจจะพูดได้ว่าหาโรงเรียนทำยายาก ยิ่งในถิ่นธุรกันดาร ก็ยิ่งจะ
ไม่มีโรงเรียนเอาเสียเลย กุลบุตรหรือเยาวชนชายก็พอจะมีโอกาสบ้าง ถ้าสนใจที่จะศึกษา คือพ่อแม่หรือผู้ปกครองนำไป
มอบให้เป็นศิษย์ของสมภารเจ้าวัดหรือพระภิกษุ องค์ใดองค์หนึ่ง แต่ถ้าเป็นกุลธิดาอาจจะไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนหรือศึกษา
หาความรู้เลยหลวงพ่อท่านเป็นพระผู้สนใจในการศึกษาพอสมควร พอว่างจากการงานจึงเข้าเรียนจากสำนักวัดดังกล่าวข้างต้น
ครั้งถึงเวลาทำไร่ทำนา ท่านก็ไปช่วยโยมทำนา ท่านได้ปฏิบัติอยู่ดังนี้ จนมีความรู้ภาษาไทยอ่านออกเขียนได้ประกอบกับ
มีความเลื่อมใสศรัทธา ในบวรพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ครั้นอายุครบอุปสมบท โยมบิดามารดาจึงทำการอุปสมบท
ตามประเพณีชายไทยตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้น

ตำแหน่งและสมณศักดิ์ เมื่ออุปสมบทแล้ว 5 พรรษาได้ปกครองวัดและเป็นเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ตำบลโก่งธนู เมื่อวันที่
16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เป็นต้นมา เป็นเจ้าคณะตำบลโก่งธนูเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2480 เป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อวันที่ 30
มกราคม พ.ศ.2482 เป็นพระครูสัญญาบัตรเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2516 เมื่อปี พ.ศ. 2516 มีพระภิกษุจำนวน 28 รูป สามเณร
2 รูป ศิษย์วัด 30 คน การปกครองเป็นปกติด้วยดีเสมอมาไม่มีอธิกรณ์ใดๆ เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 68 ปี นับว่ามีอายุครบปกครอง
ดีเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด

ผลงาน การก่อสร้าง เมื่อท่านได้เข้ารับหน้าที่เจ้าอาวาส เมื่อ พ.ศ. 2468 ท่านได้บำเพ็ญคุณงามความดีต่างๆ ได้ส่งเสริม
การศึกษาพระปริยัติธรรมแด่พระภิกษุสามเณรภายในวัด ซึ่งเป็นผลให้พระภิกษุสามเณรสอบนักธรรมได้หลายรูป ท่านได้มี
เมตตาสั่งสอนเพื่อสหธรรมิก ตลอดจนอุบาสกอุบาสิกาให้ตั้งอยู่ในความดี และให้ความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชน ที่จะประกอบ
การกุศล ด้วยคุณงามความดีที่พระเดชพระคุณได้บำเพ็ญมา ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2516 จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครู
สัญญาบัตรชั้นโทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาพระเดชพระคุณเป็นพระครูสัญญาบัตรที่ "พระครูประสาทวรคุณ"

ท่านได้ก่อสร้างและซ่อมแซมถาวรวัตถุภายในวัดโบสถ์แห่งนี้เรื่อยมา โดยมิได้หยุดยั้ง ผลงานของท่านจะอวดและกล่าว
โดยสรุปได้ดังนี้

1. สร้างโบสถ์หลังใหม่
2. สร้างโรงเรียน
3. สร้างสถานีอนามัยชั้น 2
4. สร้างศาลาท่าน้ำ
5. ซ่อมโบสถ์และกำแพงแก้ว
6. สร้างศาลาการเปรียญ
7. สร้างฌาปนสถาน (เมรุ)
8. สร้างกุฎิ
9. สร้างสะพานข้ามแม่น้ำ

 คุณธรรม หลวงพ่อพริ้ง นับว่าเป็นเพชรน้ำเอกของเมืองละโว้ธานีองค์หนึ่ง พระเดชพระคุณท่านนับว่าเป็นพระเถระ ที่ทรง
คุณธรรมหลายประการ ใครๆ ที่ได้มาเยี่ยมเยือนหรือสัมผัสพูดคุย มักจะประทับใจในอริยาบทและวัตรปฏิบัติตลอดจนอุปนิสัย
ใจคออันเยือกเย็นของพระคุณท่าน หลวงพ่อเป็นพระที่พูดน้อย มีลูกศิษย์ลูกหามาก เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของหมู่ชนทุกระดับชั้น
ยิ่งในแถวถิ่นโก่งธนูด้วยแล้วใครไม่รู้จักหลวงพ่อก็แสนจะเชยสิ้นดี เมื่อหลวงพ่อบวชแล้วก็หาโอกาสเดินธุดงค์วัตรไปในสถานที่
ต่างๆหลายแห่ง บางแห่งต้องผจญกับสัตว์ร้ายนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นผีสางนางไม้หรือภัยนานาประการ หลวงพ่อได้ประสบพบอยู่
เป็นประจำจนชินชา หลวงพ่อต้องการหาความวิเวก ขณะเดินธุดงค์ก็ได้พบกับพระอาจารย์ต่างๆ อยู่ไม่น้อย ต่างก็ถ้อยทีถ้อย
อาศัย แลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อเป็นการถ่ายทอดวิชาไสยาศาสตร์เวทย์มนต์ ให้แก่กันและกัน และการที่หลวงพ่อมีวิริยะอุตสาหะ
อย่างล้นเหลือ หลวงพ่อได้ท่องบ่นตำราจากสมุดเก่าๆ และตำรับตำราต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ต่างๆ ทั้งในจังหวัดลพบุรี
และจังหวัดใกล้เคียงบ้านเช่น อยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี,สระบุรี และที่อื่นๆ อีกด้ววยหลวงพ่อพริ้งได้พยายามศึกษาร่ำเรียน
ด้วยตนเองบ้าง จนเป็นเกจิอาจารย์ที่เรืองวิชาน่าอัศจรรย์ยิ่งทีเดียวหลวงพ่อพริ้งมีพรสวรรค์อยู่ในตัว ท่านสามาถท่องบ่นหรือ
สวดมนต์เช้า-เย็น โดยไม่ต้องต่อจากพระในวัด เพียงแต่จดจำพระรุ่นพี่ๆ ในระยะแรกๆ ท่านท่องจำเจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน
และสามารถท่องปฏิโมกข์ได้คล่องแคล่วสมบูรณ์ดีด้วยประการทั้งปวง นับว่าสติปัญญาของหลวงพ่อเป็นเลิศการเขียนการอ่าน
โดยมาก มักจะเรียกด้วยตนเองเสมอ ประกอบกับหลวงพ่อมีบารมีอันสูงส่ง อนาคตของหลวงพ่อจะต้องรุ่งเรืองในบวรพระพุทธ
ศาสนาอย่างแน่แท้
 ถึงแม้ว่าหลวงพ่อจะเป็นพระหนุ่มในขณะนั้น แต่ก็เคร่งครัดในกฎระเบียบของพระธรรมวินัยในสมัยนั้น เรียนทั้งพระธรรมวินัย
(พระปริยัติธรรม) และเรียนภาษาขอมรวมกันไปด้วยจากสำนักวัดไก่เตี้ยจนความรู้แตกฉาน ท่านได้รวบรวมตำรับตำราต่างๆ ไว้
มากมาย เช่น ตำรายากลางบ้านตำราแพทย์แผนโบราณ ตำราเวทย์มนต์คาถา และตำราไวยาศาสตร์ ไวยเวท ไว้มากพอสมควร
หลวงพ่อพริ้งเป็นพระเถรรูปหนึ่งที่ชาวลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเคารพนับถือ ท่านมาก หลวงพ่อได้มุ่งมั่นประกอบศาสนกิจ เพื่อบำรุงพุทธศาสนาโดยจิตมั่น เพื่อเจริญรอยตามเบื้องยุคลาบาทขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า หลววงพ่อจึงได้รับแต่งตั้ง ตาม
ตำแหน่งต่างๆ ดังได้กล่าวข้างต้น

การเผยแพร่ศาสนานั้นหลวงพ่อได้จัดอบรมให้มีการฟังธรรมฟังเทศน์ตามไตรมาส มีอุบาสกอุบาสิกาและประชาชนโดย
ทั่วไปเข้ารับการอบรมเป็นจำนวนไม่น้อย การทำบุญกุศลหรืองานประเพณีต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับทางวัดแล้ว หลวงพ่อมีวิเทโสบาย
และอุบายให้คนทั้งหลายมาร่วมกันได้เป็นอันมาก หลวงพ่ออำนวยความสะดวกให้ในทุกกรณี

เมื่อปี พ.ศ. 2504 หลวงพ่อได้มีอายุ 61 พรรษา บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อได้อ้อนวอนให้หลวงพ่อออกวัตถุมงคล
เพื่อจะได้ให้ศิษยานุศิษย์และญาติโยมผู้ใกล้ชิดไว้เป็นที่ระลึก และเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ ปลายปี พ.ศ.2504 ก็มีศิษย์
อ้อนวอนท่านอีก "สร้างเถอะหลวงพ่อ" หมายถึงสร้างวัตถุมงคล หลวงพ่อท่านทนต่อคำรบเร้าอ้อนวอนของบรรดาศิษย์ไม่ไหว
ท่านจึงพูดว่า "จะเอาอย่างไร ก็เอากัน" หลวงพ่อบุญช่วย เขมโก ผู้เป็นผู้ช่วยของหลวงพ่อหาโอกาสนี้มานาน แต่ไม่กล้าออก
ความเห็น จึงนมัสการกับหลวงพ่อขึ้นว่า ควรจะทำเป็นเหรียญ ซึ่งจะถาวรต่อการใช้ไว้นานๆ ไม่เหมือนกับพระเนื้อผง อันอาจ
จะเสียหายและหักง่าย จากการเสนอแนะของหลวงพ่อบุญช่วย และบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อจึงได้ตกลง ออกแบบเป็น
รูปเหรียญสี่เหลี่ยม ด้านหน้ามีรูปของหลวงพ่อครึ่งองค์ (ทำชนิดใบหน้าใหญ่และใบหน้าเล็ก) ด้านหลังพระพุทธรูปเล็กอยู่กลาง
รอบเหรียญเป็นยันต์และอักขระตัวขอม ใช้เนื้อทองแดงปั๊ม ห่วงหูในตัว กาไหล่ทองที่พื้นเหรียญ ออกไม่มากนัก ราคารุ่นนี้
แพงเป็นพัน เพราะถือว่าเป็นเหรียญรุ่นแรก เหรียญนี้หลวงพ่อพริ้งได้นั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวด้วยพุทธาคมอันเข้มขลัง นักเล่น
เหรียญทั้งหลายมักจะเสาะหาเหรียญของหลวงพ่อรุ่นแรกนั้นเป็นจำนวนไม่น้อย ใครมีไว้ในครอบครองจงหวงแหน อย่าจำหน่าย
จ่ายแจกเพราะเป็นของดี มีคนที่มีประสบการณ์มาแล้วจากเหรียญนี้ จากเหรียญรุ่นหนึ่งนี่เองทำให้หลวงพ่อพริ้งมีชื่อเสียง
โด่งดังยิ่งกว่าพลุโด่งดังจนถึงขีดสุด
2
จากเหรียญดังกล่าวแล้ว ยังมีแหวนรูปหลวงพ่อซึ่งเป็นแหวนลงยา มีทั้งแหวนทองคำ แหวนเงิน และอาปาก้า เป็นแหวน
ลงยา ปลุกเศกในคราวเดียวกัน และมีความนิยมไม่แพ้เหรียญ ลักษณะของแหวนด้านบนของหัวแหวนซึ่งมีรูปของหลวงพ่อ
จะมีลักษณะคล้ายรูปโล่ มีตัวอักษรสองข้าง ข้างขวามีคำว่า "หลวง" ข้างซ้ายมีความว่า "พ่อพริ้ง" ปัจจุบันเริ่มหายากเหมือนกัน
จำนวนการสร้างประมาณ 2,000 วง บรรดาลูกศิษย์ลูกหาต่างก็บูชาไว้ใช้คนละวงสองวง วัตถุมงคลรุ่นแรกหนักแน่นไปในทาง
แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี เพราะผู้ใช้ได้ประสบการณ์จากการใช้วัตถุมงคลของหลวงพ่อมากรายด้วยกัน

หลังจากหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลรุ่นแรกแล้ว ท่านก็ไม่คิดหรือจะออกของอีก ชั่วระยะไม่นานนักทั้งเหรียญและแหวน
เริ่มหมด คณะกรรมการต่างปรึกษาหารือกันจะขออนุญาตสร้างแบบกึ่งเหรียญกึ่งรูปหล่อ หรือที่เรียกกันว่าหลังเตารีด เมื่อ
กรรมการปรึกษากันแล้ว จึงเรียนให้หลวงพ่อท่านทราบ หลวงพ่อก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร "จะให้สร้างหรือไม่ให้สร้างก็ไม่พูด"
เพราะหลวงพ่อท่านเป็นพระรักสันโดษและมักน้อย กรรมการต่างก็พากันกลับโดยมิได้ปริปากต่อไปอีก

 กระทั่งปลายปี พ.ศ. 2505 กรรมการชุดเดิมนั่นแหละ เห็นว่าความต้องการของบรรดาลูกศิษย์และประชาชนคนทั่วไป
มีความเลื่อมใสศรัทธามาก ประกอบกับของที่ออกแต่ละครั้งไม่ทั่วถึงผู้ที่ใฝ่หาและความต้องการของประชาชน ศิษยานุศิษย์
และกรรมการจึงเรียกร้องอ้อนวอนให้หลวงพ่อออกของอีกสักรุ่นโดยบอกว่าวัตถุมงคลเมื่อปี 2504 ให้ได้บูชากันไปยังไม่ทั่วถึง
คณะกรรมการได้กราบเรียนให้หลวงพ่อทราบ หลวงพ่อก็ตอบสนองตามอัธยาศัยของบรรดาศิษย์และกรรมการ เมื่อหลวงพ่อ
อนุญาตต่างก็ดีอกดีใจไปตามๆ กัน และคณะกรรมการได้ลงไปกรุงเทพฯ มอบแบบตามที่ต้องการ สร้างวัตถุมงคลรุ่นที่สองปี
พ.ศ. 2505 เมื่อสร้างเสร็จก็นำมาให้หลวงพ่อปลุกเสกเดี่ยวจนครบไตรมาส(หนึ่งพรรษา) ลักษณะของรูปวัตถุ คือรูปของ
หลวงพ่อ(แบบหลวงปู่ทวด) เรียกว่ารุ่นหลังเตารีดมีทั้ง 2 แบบคือ แบบหนึ่งมีห่วง และแบบหนึ่งไม่มีห่วง แบบไม่มีห่วงหรือหูห้อย
นักสะสมเรียกว่ารุ่น หายห่วง หรือหมดห่วง ครั้นเมื่อหลวงพ่อปลุกเสกแล้ว ก็เปิดให้สาธุชนผู้เลื่อมใสเช่าบูชา นักสะสมบางคน
ต่างพากันสะสมและแสวงหากันเป็นจำนวนมากมีผู้ที่ไปถึงวัดไม่เว้นแต่ละวัน พระรุ่นสองรุ่นหลังเตารีดของหลวงพ่อพริ้งครั้งนี้
เป็นแบบปั๊ม รมดำทำด้วยเนื้อทองผสม ทุกวันนี้เริ่มจะหายาก และราคาก็แพง

ปี พ.ศ. 2506 หลวงพ่อมิได้ออกของหรือวัตถุมงคลใดๆ เพราะภารกิจติดนินมต์ และงานล้นตัว หลวงพ่อท่านไม่ปฏิเสธ
การนิมนต์ ท่านจะรับนิมนต์ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่ามีหรือจน หลวงพ่อเป็นพระเถระที่ไม่ถือตัวไม่ว่าใครจะนิมนต์ไปฉันหอ,
ขึ้นบ้านใหม่, โกนจุก,งานบุญ,งานบ้าน,งานบวช,งานสวด,งานศพ ใครนิมนต์ไม่เคยขัดนอกจากป่วย วันหนึ่งหลวงพ่อท่านรับ
นิมนต์ไปเป็นอุปัชฌาย์ เจ้าภาพนำเอารถมอเตอร์ไซด์รับท่านไปในเส้นทางที่แสนลำบาก บางครั้งต้องวิ่งกลางทุ่งนา บางครั้ง
ต้องวิ่งบนคันนา บังเอิญรถมอเตอร์ไซด์ตกหล่นจากคันนา หลวงพ่อก็หล่นกลิ้นไปตามรถทั้งคนขับ เมื่อลุกขึ้นคนขับก็ถามว่า
หลวงพ่อเป็นอะไรบ้างครับ ก็ได้รับคำตอบจากหลวงพ่อ ไม่เป็นอะไรหรอก หลวงพ่อไม่เคยบ่นหรือปริปากแต่ประการใด
ทั้งที่เจ็บๆ เล็กๆ น้อยๆ ในเมื่อหลวงพ่อบอกว่าไม่เป็นอะไรคนขับก็ขับรถให้หลวงพ่อนั่งซ้อนท้ายไปจนถึงวัดที่บวชจนได้
นี่ก็แสดงว่า หลวงพ่อพริ้งท่านเปี่ยมล้นไปด้วย วิริยะคุณ เมตตาคุณ กิจนิมนต์ของหลวงพ่อไม่เคยว่างเว้น ไม่ว่างานพุทธาภิเษก
เล็กหรือใหญ่ จะมีชื่อของหลวงพ่อเสมอๆ ลงโฆษณาติดใบปลิวเกือบทั้งพิธี

 นอกจากงานนิมนต์ดังที่กล่าวมาแล้ว งานในวัดของหลวงพ่อเองก็มีอยู่มากพอสมควรในยามว่างหลวงพ่อจะปลูกพืชผลไม้
ทั้งชนิดล้มลุกและยืนต้น ในขณะนั้นรั้วของวัดยังไม่เรียบร้อย เมื่อปลูกพืชมีผลออกมา วัวควายของชาวบ้านมักจะเข้ามาขบเคี้ยว
กัดกินทำให้พืชผลเสียหายอยู่เสมอ ทายกวัดก็ไม่กล้าไปว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงดังกล่าวก็เข้ามากัดกินของในวัดเสียหาย ทายก
คนหนึ่งเห็นเข้าก็มาบอกกับหลวงพ่อให้ทราบ แทนที่หลวงพ่อจะโกรธแค้นท่านกลับสงบสติอารมณ์ แล้วท่านก็กล่าวขึ้นลอยๆ ว่า
"มนุษย์เรานี้ไม่ค่อยมีความเกรงอกเกรงใจกันเลย สัตว์เป็นเดียรฉานอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถพูดได้เหมือนกัน
เมื่อคนปล่อยมันออกมามันก็ต้องหากินของมันไปตามประสาสัตว์ คนเรากินข้าวก็น่าจะมีความนึกคิดอะไรเหมาะ
อะไรไม่เหมาะ คนอย่างนี้คงไม่กินข้าวละมัง คงกินแกลบกินรำ"

หลังจากที่หลวงพ่อพูดออกไปได้ไม่กี่ปี เจ้าของสัตว์ผู้มีฐานะมั่งคั่งก็ประสบหายนะ กล่าวคือค้าขายก็ขาดทุน ออกเงิน
ให้เขากู้ก็ถูกโกง ทำอะไรก็ไม่เกิดมักผล ชีวิตในบั้นปลายสุดท้ายถึงกับซื้อเรือกระแชงล่องแกลบไปขายถึงกรุงเทพฯ ปัจจุบัน
พ่อค้าคนนั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว

และอีกเรื่องหนึ่งที่อดกล่าวเสียมิได้นั้นคือภายในบริเวณวัดมีผลไม้หลายอย่างอาทิเช่น กล้วย,มะม่วง,ขนุน,ต่างก็ออกผล
ตามฤดูกาล ขนุนก็ออกผลใหญ่แก่ก็ซึ่งน่าจะติดบ่มได้แล้วทายกก็ไม่กล้าตัด ก็เรียนให้หลวงพ่อทราบว่า ขนุนแก่แล้วครับ
หลวงพ่อ ตัดได้แล้ว ถ้าไม่ตัดขโมยมันจะลักตัดนะครับ หลวงพ่อก็พูดขึ้นว่า "ปล่อยมันเถอะขโมยมันไม่กล้าขึ้นไปลักตัด
ขนุนหรอก มันขึ้นเดี๋ยวมันก็ตกลงมาเองแหละ" อยู่มาได้ 2-3 วัน เจ้าขโมยเหมือนกับจะท้าทายคำพูดของหลวงพ่อ
ก็ค่อยแอบย่องขึ้นไปตัดขนุน ยังไม่ทีนได้มีโอกาสให้ได้จับลูกขนุนเลย เกิดพลาดท่าร่วงหล่นลงมาขาหัก พรรคพวกที่ไปด้วย
ซึ่งคอยอยู่ข้างล่างต้องรับภาระแบกขึ้นคอหนีกลับไปรักษาขา

จากสาเหตุที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง 2 ครานี้ ทำให้สาธุชนในละแวกนั้นต่างก็โจษขานกันว่าหลวงพ่อพริ้งท่านมีวาจาสิทธิ์ เป็นที่
เกรงขามของสุจริตชนทั้งหลาย บรรดาสุจริตชนต่างพากันขอพรและขอบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่ออยู่เนืองนิจ วัตถุมงคลของ
หลวงพ่อมีหลายชนิด ที่วัดยังมีเหลือยู่อีกมาก ทางวัดได้จัดจำหน่ายจ่ายแจกให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ไปเคารพกราบไหว้ท่าน
บางอย่างก็หมดไปแล้วบางอย่างยังเหลืออีกมาก หลวงพ่อพริ้งท่านได้มีเมตตาจิตปลุกเสกหลายครั้งหลายหน จนกระทั่งจำ
ไม่ได้ว่าแต่ละครั้งมีอะไรบ้าง ท่านเคยปรารถอยู่เสมอว่า ของของหลวงพ่อทุกชนิด ทุกอย่างมีคุณภาพเท่าเทียมกันหมด
ไม่ว่าจะปลุกเสกเมื่อใด วัตถุต่างๆ ที่หลวงพ่อได้สร้างไว้ก็มีอาทิเช่น แหวน, เหรียญ, รูปหล่อ, ตะกรุด, ผ้ายันต์, นกคุ้ม
ปลาตะเพียนเงินปลาตะเพียนทอง รูปหล่อลอยองค์ทั้งนั่งและยืน สมเด็จเนื้อผง 3 ชั้น (เล็ก-ใหญ่) พระสามพี่น้อง, ธงค้าขาย,
และรูปล็อกเก็ต

 ศิษย์นี่ นี่ไม่ให้ อดหรอก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ Sriyan3 
เรื่องและภาพโดย เอ๋ สายทอง 

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เหรียญอาร์มพระสหัมบดีพรหม หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา


เหรียญอาร์มพระสหัมบดีพรหม หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเหรียญที่สวยงามอีกเหรียญหนึ่งของวงการพระเครื่องไทยเหรียญนี้ผมรับมาจากมือหลวงพ่อครับ พระของหลวงพ่อทุกองค์ถ้ารับมาจากมือหลวงพ่อ ท่านจะเมตตาจารย์อักขระให้ทุกองค์ครับ
เรื่องและภาพโดย:เอ๋ สายทอง

เหรียญหลวงพ่อต้อ วัดพายทอง ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง

 พระครูสุวรรณสารพิศิฐหรือหลวงพ่อต้อ แห่งวัดพายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาเก่กล้ามากองค์หนึ่งของจังหวัดอ่างทอง แต่ไม่มีคนรู้จักมากนักเพราะท่านออกวัตถุมงคลมาเพียงไม่กี่รุ่น แจกให้กับชาวบ้านในระแวกแถววัดเท่านั้น พระสมัยก่อนท่านมักทำแจกครับ
นำมาให้ชมกันเผื่อใครไปพบที่ใหนจะใด้เก็บใว้ครับ
เรื่องและภาพโดย:เอ๋ สายทอง

กำไรกระดูกช้างตายพลาย หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา

หลวงพ่อเอื้อนแห่งวัดวังแดงใต้ จ.อยุธยาท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อแจ่มวัดวังแดงเหนือ กำไลที่ผมนำมาโชว์นี้ผมใด้มาจากมือหลวงพ่อโดยตรง ด้านในฝ้งตะกรุดสองดอก ตัวกำใลทำจากกระดูกช้างตายพลายแท้ๆ เด่นทางด้านเมตตาแคล้วคลาดครับ
บทความและภาพโดย:เอ๋ สายทอง

พญาครุฑรุ่นแรกหลวงปู่ผาด วัดไร่ จ.อ่างทอง


พญาครุฑรุ่นแรกหลวงปู่ผาด วัดไร่ อ่างทอง รับมาจากหลวงพ่อครับ จากวัดโดยตรง สังเกตุง่าย ที่เนื้อโลหะครับ รุ่นแรกมีเนื้อเดียว คือเนื้อรัตนโลหะ ไม่มีเนื้อทองเหลืองหรือทองแดง ส่วนมากของที่บูชามาจากที่วัดโดยตรงจะมีสภาพเนื้อจะสีเข้มออกแดง มีคราบบล็อกเขียวติดบ้างเหตุก็เพราะสภาพเนื้อสวยๆสีอร่ามบรรดาศูณย์พระ เครื่องหรือพวกเซียนต่างๆ มาคัดสวยๆไปกันหมดแล้ว เหลือแต่แบบที่ผมมีนี่แหละ พวกเซียนหารู้ไม่ว่ากลายเป็นเอกลักษ์ไปแล้วครับว่ารุ่นนี้ต้องมาจากวัดรับ จากมือหลวงพ่อแน่นอนครับ
ปัจจุบันหายากมากแล้วครับต่างก็หวงแหนกันสุดๆ
 ภาพโดย : ฉัตรชัย